ทางออก เทมาเส็ค

Mon, Jan 22, 2007

English | ทักษิณ

ทางออก เทมาเส็ค

วันที่ 22 มกราคม 2550

เร็วแบบไม่น่าเชื่อ ครบ 1 ปีแล้วครับ ที่กองทุนเทมาเส็คของรัฐบาลสิงคโปร์ ได้ซื้อกิจการโทรคมนาคมจากครอบครัวชินวัตร และ ดามาพงศ์ และจากผู้ถือหุ้นรายอื่นๆ เกือบทั้งหมด วันนี้ บริษัทชิน มีเจ้าของใหม่ ชื่อ ซีดาร์ โฮลดิ้งส์ และ แอสเพน โฮลดิ้งส์ จำกัด ทั้งสองบริษัทเป็นของ เทมาเส็ค ทั้งทางตรงและทางอ้อม เจ้าของใหม่มีหุ้นชิน อยู่ในมือ กว่า 3 ล้านหุ้น หรือ มากกว่า ร้อยละ 95

เรียกได้ว่า บริษัท ชิน หมดความเป็นบริษัท มหาชนไปแล้ว นั่นย่อมหมายถึง การถูกถอดจากการเป็นสมาชิกในตลาดหลักทรัพย์ ( delist ) ความจริงถ้าไม่ใช่เส้นก๋วยจั๊บ บริษัทชินน่าจะหลุดจากตลาดไปนานแล้ว สมัยนั้นเส้นใหญ่ ได้รับการผ่อนผันไว้ 1 ปี ถึงวันนี้หมดเวลาแล้ว บริษัท ชินหลุดจากตลาดอย่างแน่นอน สภาพคงไม่ต่างจากคนที่เป็นเจ้าของเดิมหรอกครับ อนาคตของ บริษัทชิน จะเป็นอย่างไร ตรงนี้ต่างหากที่น่าสนใจ

ทางออกน่าจะเป็นไปอย่างนี้ครับ

บริษัท ชิน เป็น โฮลดิ้งส์คอมพานี เป็นบริษัท แม่ ทำหน้าที่ ถือหุ้นในบริษัทลูก หลายๆบริษัท เวลาลูกๆ ดำเนินธุรกิจ มีกำไร ก็จะนำส่ง แม่ ในรูปของเงินปันผล ตัวแม่เอง แต่ละปี รวบรวมเงินปันผลที่ได้รับ นำมาจัดสรร แบ่งกัน ระหว่างผู้ถือหุ้นครับ บริษัทแม่ไม่ต้องดำเนินกิจการใดใดมากไปกว่านี้

บริษัท ชิน จึงไม่มีกิจการ ไม่มีการทำธุรกิจ เป็นเพียงเรื่องของการลงทุนโดยครอบครองหุ้นของบริษัทลูก จำนวนหุ้นในแต่ละบริษัท ถือไว้มากบ้าง น้อยบ้าง แล้วแต่แนวทางที่กำหนดโดยผู้บริหาร เมื่อบริษัท ชินต้อง หลุดจากตลาดหลักทรัพย์ บริษัท ชิน จะกลายสภาพเป็นบริษัท เอกชน ทั่วไป แถมเป็นบริษัทต่างด้าวอีกต่างหาก ตามผลสอบของกระทรวงพาณิชย์ นะครับ

เชื่อได้ว่า ผู้บริหารคงจะยกเลิกบริษัทชินไป ในที่สุด เป็นทางออกที่เทมาเส็ค หรือ รัฐบาลสิงคโปร์ ในฐานะเจ้าของกิจการตัวจริง อาจใช้เพื่อหลีกหนีภาพพจน์ ที่ น่ารังเกียจ ได้ในระดับหนึ่ง

ทำได้ไหม เลิกบริษัทชิน ไม่ยากหรอกครับ

ต้องไปดูกันว่าบริษัท ชิน มีหุ้นของบริษัท ลูก อะไร บ้าง ที่น่าสนใจจริงจริง เห็นจะมี เฉพาะส่วนที่เกี่ยวกับ กิจการ โทรคมนาคม หนีไม่พ้น เอ ไอ เอส กับ ชิน แซท ครับ

การยกเลิกบริษัทชิน ทำได้โดย การขายหุ้นที่บริษัทชิน ครอบครองไว้ ใน บริษัท ลูก ขายแล้วก็นำรายได้จากการขาย มาแบ่งปันกันในหมู่ผู้ถือหุ้น

วันนี้ บริษัทชิน ถือหุ้น เอ ไอ เอส มากกว่า 1,260 ล้านหุ้น บริษัท ชินอาจขาย หุ้น เอ ไอ เอส ส่วนหนึ่ง ให้กับ บริษัทแอสเพน ( ของเทมาเส็ค ) ส่วนที่เหลือ ต้องขายให้ บริษัทไทยครับ จะขายให้ตัวเอง กี่ หุ้น ขายให้บริษัทไทยกี่หุ้น ก็ต้องมานั่งคำนวณให้ดี อย่าลืมว่า เอ ไอ เอส ต้องเป็น บริษัทไทยนะครับ ถ้างั้นเดี๋ยวถูกยกเลิกสัญญาสัมปทาน จะวุ่นวายไปอีกไม่รู้จบ ถ้าขายหุ้นออกไปในแนวนี้ เทมาเส็ค ก็จะได้เป็นผู้ถือหุ้นรายใหญ่ ของ เอ ไอ เอส ตามต้องการ ฝ่ายไทยที่เข้ามาลงทุน ก็จะเป็นไทยแท้ ไม่มีปัญหาเรื่องนอมินี ธุรกิจ เดินต่อไปได้

ขายหุ้นราคาเท่าไหร่ดีครับ ส่วนที่ขายให้ตัวเอง กำหนดราคาไม่ยาก คงต้องดูเรื่องผลกระทบทางภาษีเป็นหลัก ราคาหุ้นของ เอ ไอ เอส ขายกันที่ 75 -100 บาท ต่อหุ้น แล้วแต่อารมณ์ของตลาด บริษัท เอ ไอ เอส เป็นบริษัท ที่มีความแข็งแกร่ง มีลูกค้า อยู่ในมือกว่า 17 ล้านเลขหมาย ราคาหุ้นที่ลดลง เถียงไม่ได้ว่าส่วนหนึ่งเป็นเพราะ มรสุมทางการเมือง ตลาดมือถือเองก็แข่งขันกันมากกว่าเดิม แต่เมื่อบริษัท ได้รัฐบาลสิงคโปร์ มาเป็นหุ้นส่วน ใหญ่ ปัญหาเรื่อง อนาคตของธุรกิจ โดยเฉพาะทุนที่มีไม่อั้น น่าจะทำให้มีแต่อนาคตที่สดใส

คนไทยกลุ่มไหนครับ ที่จะกล้าเข้ามาร่วมทุนกับเทมาเส็ค

ถ้าจะหานักลงทุนไทยมาลงทุนในบริษัท ชิน อาจไม่ใช่เรื่องหมูหมู ปัญหาที่คาใจกัน ยังมีอยู่มาก คดีเรื่องของนอมินี ก็ยังคาราคาซังอยู่ แต่ถ้าชักชวนฝ่ายไทย ให้ซื้อหุ้นของ บริษัท เอ ไอ เอส น่าจะง่าย กว่าครับ เรื่องราคาหุ้น ที่ต้องขาดทุนบ้าง ผมว่าเทมาเส็ค รับไหว ผู้เชี่ยวชาญด้านบริหารภาษีหาไม่ยาก เงินที่ขาดทุนจากการลงทุน ใช้ประโยชน์ในการบริหารภาษีของเทมาเส็คได้ส่วนหนึ่งอยู่แล้ว

ความจริง ถ้ารัฐบาลสิงคโปร์ มีความจริงใจสักนิด ร่วมมือกับฝ่ายไทย เปิดเผยข้อมูลการซื้อหุ้นชิน เมื่อปีที่แล้ว ให้ฝ่ายทางการของเราทราบ การแก้ปัญหาจะง่ายขึ้น อย่างน้อยก็ยังพอจะมองหน้ากันได้บ้าง เผลอๆ จะมีคนหนุนให้บริษัท ทศท. ตั้งบริษัทลูก ร่วมทุนกับเทมาเส็คเสียเลย ใช้รายได้จากค่าสัมปทานนั้นแหละ ไม่เห็นจะยากตรงไหน เอไอเอส ก็จะกลายเป็นบริษัทที่ ทั้งรัฐบาลไทย และ รัฐบาลสิงคโปร์ เป็นหุ้นส่วนทางธุรกิจกัน ไม่เลวนะครับ

แต่นี่อะไรก็ไม่รู้ ทักษิณ บินไป สิงคโปร์ ได้พบคนระดับรองนายกฯ แถมรัฐบาลสิงคโปร์ ยังออกมาชี้แจงด้วยว่า พบอย่างไม่เป็นทางการ เท่านั้นไม่พอ ยังปล่อยให้ ทักษิณ ใช้ประเทศสิงคโปร์ เป็นฐาน ในการให้สัมภาษณ์สื่อต่างประเทศ โจมตีรัฐบาลไทยอีกต่างหาก

ทฤษฎี ซูเปอร์ นอมินี ของผมมีความเป็นไปได้ มากขึ้นแล้วละครับ ดูจากท่าทีของรัฐบาลสิงคโปร์ ที่ผูกผันกับ ทักษิณ ชินวัตร แล้วเห็นชัดว่า มีผลประโยชน์ทางธุรกิจร่วมกันอย่างแน่นอน

แบ่งปันเรื่องราว:
  • Print
  • del.icio.us
  • Facebook
  • email
  • PDF
  • Twitter

Tags: ,

Comments are closed.

Twitter

TwitPic

กอร์ปศักดิ์ สภาวสุ

กอร์ปศักดิ์ สภาวสุ
Korbsak.com
กอร์ปศักดิ์ สภาวสุ
เลขาธิการนายกรัฐมนตรี

ค้นหา