ยุทธศาสตร์ประเทศ(ตอนจบ-ปฏิรูปเศรษฐกิจ)

ยุทธศาสตร์ประเทศ(ตอนจบ-ปฏิรูปเศรษฐกิจ)

ยุทธศาสตร์ประเทศเขียนไว้หลายตอน   หลังสุด (ตอนที่ ๓ - ผมรักประเทศไทย) เขียนไว้เมื่อต้นเดือนมีนาคม     ตั้งใจว่าบทสุดท้ายจะให้จบปลายเดือน    เหตุการณ์จากการชุมนุมของคนเสื้อแดงทำให้ชีวิตผมเปลี่ยนไป  ไม่เคยคิดว่าการรับอาสาเข้ามาทำงานทางการเมือง    จะรวมไปถึงการมีส่วนในการดูแลปัญหาด้านความมั่นคง  ซ้ำร้ายยังเป็นภัยความมั่นคงที่เกิดจากคนไทยด้วยกันเองเสียอีก

เป็นช่วงเวลาที่ต้องหยุดทุกอย่างที่เคยทำ   ชีวิตปกติเก็บใส่ลิ้นชักไว้ก่อน   มาถึงวันนี้ดูผิวเผินเหมือนว่าทุกอย่างเข้ารูปเข้ารอยแล้ว   ความจริงเป็นอย่างไรผมไม่แน่ใจ    ที่แน่คือสิ่งที่เกิดขึ้นกับบ้านเมือง    สิ่งที่ผมได้สัมผัสได้รับรู้   และได้มีส่วนร่วมในการแก้ปัญหา   ทำให้หลายๆอย่างสำหรับผมไม่เหมือนเดิมอีกแล้ว

คนไทยส่วนหนี่งคงมีความรู้สึกที่ไม่ต่างจากผมเท่าไหร่นัก        บาดแผลลึกจากความแตกแยกนี้จะรักษาให้หายขาดหรือไม่ยากที่จะคาดเดา  อาจทุเลาลงถ้าเราเรียนรู้ที่จะอยู่กับอนาคต   ลืมอดีตที่ขมขื่น  รู้จักให้อภัย   จดจำอดีตไว้เพียงเพื่อเป็นบทเรียนสำหรับอนาคต   พูดนั้นง่าย   แต่ทำใจให้ได้นั้นยากเสียเหลือเกิน

ถ้าจะมองไปข้างหน้า  มองอนาคต  เราจะเดินอย่างไรดี

หลายคนบอกว่าอนาคตของประเทศเราเป็นผู้กำหนด  ไม่ใช่พรรคการเมืองหรือนักการเมืองหน้าไหนทั้งสิ้น

ในโลกของความเป็นจริงอาจตรงกันข้ามอย่างสิ้นเชิง      นักการเมืองต่างหากที่เป็นผู้กำหนดอนาคตของประเทศตัวจริง   เจ้าของประเทศอย่างเราๆเป็นแค่เพียงผู้มีสิทธิเลือกตั้ง

ไม่ใช่นักการเมืองหรือที่อาจทำให้ประเทศเจริญรุ่งเรือง     และไม่ใช่นักการเมืองหรือที่ทำให้ประเทศของเราอยู่ในสภาพเช่นที่เป็นในขณะนี้

ในระบอบประชาธิปไตย ประชาชนเลือกนักการเมือง  เลือกส.ส.  ท่านส.ส.เดินเข้าสภาแล้วใช้เสียงข้างมากเลือกนายกรัฐมนตรี  นายกรัฐมนตรีจัดตั้งรัฐบาลด้วยเสียงข้างมาก   กระบวนการเป็นอย่างนี้ เวลาได้รัฐบาลดีก็แล้วไป แต่ถ้าได้รัฐบาลไม่ดี  บ้านเมืองบอบช้ำ   เวลาโทษนักการเมืองก็จะมีคนเถียงแทน   เขาบอกต้องโทษประชาชน นักการเมืองเป็นเองไม่ได้ต้องมีคนเลือก   คุณอยากเลือกนักการเมือง  เลือกพรรคการเมืองไม่ดีเข้ามาในสภาเอง  แล้วจะไปโทษใคร

แต่ถ้ามองอีกมุมหนึ่งแล้ว   เราเกือบไม่มีโอกาสกำหนดอนาคตของเราเท่าไหร่   หลังการเลือกตั้งทุกครั้ง  พวกเราก็ได้แต่หวังแบบลมๆแล้งๆ  ว่าท่านส.ส.ที่เราเลือกเข้าไปนั่งในสภาจะทำหน้าที่ให้ดี   สมใจกับที่เราได้กากะบาทให้เท่านั้น

อยากจะเป็นท่านส.ส.กับเขาบ้างก็ไม่ใช่เรื่องง่าย  ลงสมัครอิสระไม่ได้ต้องสังกัดพรรค บอกว่าส.ส.ทำงานเพื่อประเทศ ไม่ใช่เพื่อท้องถิ่น   แต่เวลาสมัครต้องเป็นคนที่เกิดในพื้นที่นั้นๆ   หรือเคยร่ำเรียน  หรืออยู่อาศัยในพื้นที่มาช่วงเวลาหนึ่ง   ประชาชนผู้่มีสิทธิเลือกตั้งมีตัวเลือกคือมีผู้สมัครส.ส.ที่มีคุณสมบัติตามสเปคไม่มากนัก  ซ้ำร้ายบางเขตเลือกตั้งพรรคการเมืองยังมีการฮั้วส่งผู้สมัครอีกต่างหาก โลกแห่งความเป็นจริงทำให้เราไม่ค่อยจะได้ส.ส.ในฝัน ส.ส.ที่เรากล้าพูดได้ว่า  “คนนี้ผมเลือกเอง”

ที่ร่ายยาวเรื่องของท่านส.ส.  ก็เพราะท้ายที่สุดของยุทธศาสตร์การแก้ปัญหาประเทศ   แผนการปฎิรูปเศรษฐกิจประเทศไทย จะดูดี  ทำได้หรือไม่   ท่านส.ส.ทั้งหลายเป็นตัวจักร  เป็นกลไกสำคัญครับ

ปัญหาของการชุมนุมของคนเสื้อแดงทำให้มีคนพูดถึงความเหลื่อมล้ำของสังคมไทย    ผมว่าเรื่องความไม่เป็นธรรมมีจริง   ผมว่าเรื่องช่องว่างของคนจนและคนรวยมีจริง      แต่ผมไม่เคยเชื่อว่าปัญหาเหล่านี้ทำให้ภาคประชาชนคนเสื้อแดงต้องมีกองกำลังพร้อมอาวุธ   ต้องปักหลักชุมนุมอย่างผิดกฎหมาย ต้องเอาเลือดมาเท  ต้องถึงกับเผาบ้านเผาเมือง  ต้องล้มสถาบัน  ไม่เกี่ยวเลยครับ ความเลื่อมล้ำของสังคมเป็นข้ออ้างเพื่อให้ดูดีแต่แท้ที่จริงเป็นเรื่องของการเมืองที่มุ่งรักษาผลประโยชน์ ส่วนตน  ของพรรค  ของพวกทั้งสิ้น

ผมเขียนเรื่องยุทธศาสตร์ประเทศ  ผมพูดถึงปัญหาคนจน คนรวยก่อนที่คนเสื้อแดงจะเผาบ้านเผาเมืองเสียด้วยซ้ำเพราะผมเชื่อว่าปัญหาช่องว่างระหว่างคนจนกับคนรวยนับวันจะห่างมากขึ้นทุกวันและเป็นเรื่องที่ต้องรีบแก้ไข   แต่ผมเพียงได้แค่บ่น  อาจมีคนเห็นด้วยบ้าง แต่ก็ไม่มีคนสนใจอย่างจริงจัง     ข้อดีที่ผมเห็นจากการชุมนุมของคนเสื้อแดงคือเกิดการตื่นตัว   อาจจะเป็นที่สังคมคนรวยเริ่มกังวล  เริ่มมองเห็นว่าถ้าปล่อยให้ปัญหาบานปลาย   ตนเอง(คนรวย)อาจเดือดร้อน  ตรงนี้ดี  เข้าเป้าครับ

ท่านผู้อ่านที่ได้อ่านบทความของผมตั้งแต่แรก ( ยุทธศาสตร์ประเทศ ตอนที่ ๑) คงจำได้ว่าผมเปรียบประเทศเป็นบริษัทแม่  และ 76 จังหวัดของประเทศเป็นบริษัทลูก       บริษัทแม่หารายได้จากการค้าขายกับบริษัทฯอื่นๆในต่างประเทศ (การส่งออก การท่องเที่ยว)      และให้บริษัทลูกๆกันเอง  ค้าขายภายในประเทศ (การบริโภคภายใน ประเทศ)   รายได้ที่ได้จากการค้าขายทั้งในประเทศและต่างประเทศ   แบ่งปันนำมารวมกันในรูปแบบของภาษี   เป็นรายได้ของแผ่นดิน   เดียวนี้รายได้แผ่นดินตัวเลขสูงกว่าล้านล้านบาทต่อปีครับ

ผมได้เคยพูดไว้ว่าความเหลื่อมล้ำในสังคมจะไม่เกิดขึ้น     ถ้าเรานำรายได้แผ่นดินมาแบ่งปันให้ผู้ถือหุ้นคือประชาชนกว่า 63 ล้านคน อย่างเป็นธรรม  เท่าและทัดเทียมกัน

กระบวนการการแบ่งผลกำไรหรือรายได้ของบริษัทประเทศไทยนี้ต้องมีกฎหมายรองรับครับ    เรียกว่า พรบ.งบประมาณประจำปี   ผู้เสนอกฏหมายคือรัฐบาล  ผู้ให้ความเห็นชอบ  พิจารณารายละเอียด ปรับลดงบประมาณคือท่านส.ส. ตัวแทนของพวกเรา    เริ่มมองเห็นความสำคัญของท่านส.ส.ผู้ทรงเกียรติ (ด้วยความเคารพ) หรือยังครับ

มีคำถามว่ารัฐบาลที่ดีควรจัดสรรงบประมาณอย่างไรจึงจะเกิดความเป็นธรรมในสังคมนี้   คำตอบคือทุกรัฐบาลรู้ว่าควรจะทำอย่างไร  เพราะผู้บริหารอ่านตำราเดียวกันหมด      ไม่ว่าจะเป็นทีมเศรษฐกิจของพรรคการเมืองพรรคใดก็แล้วแต่   อยู่ที่ใจของนักการเมืองครับว่าจะทำเพื่อประชาชน   หรือเพื่อตนเองและพรรคพวก

ความยากจึงอยู่ที่การเมือง    ความยากอยู่ที่ว่าผู้ถือหุ้น (ประชาชน) จะสนใจเรื่องนี้มากน้อยแค่ไหนอย่างไร  ถ้าผู้ถือหุ้นสนใจการเมืองน้อย  เลือกตั้งแล้วก็แล้วกัน   อย่างนี้เสร็จนักการเมือง  แต่ถ้าภาคประชาชนเข้มแข็ง เฝ้าดูพฤติกรรมของนักการเมืองอย่างใกล้ชิด   พรรคการเมือง นักการเมืองก็จะระมัดระวังตัวมากขึ้น

ข่าวดีคือวันนี้ประชาชนเริ่มมองเห็นแล้วว่าปล่อยให้นักการเมืองเอาประเทศไปบรรเลงกันเองไม่ได้เสียแล้ว   ประชาชน ผู้ถือหุ้น จึงต้องลงมาเล่นเสียเอง    นี่ละครับคือที่มาของการปฎิรูปประเทศไทยโดยภาคประชาชนครั้งสำคัญ

(ท่านผู้อ่านอาจแปลกใจว่าทำไมผมถึงเขียนบทความที่เหมือนกับดูถูกดูแคลนนักการเมือง   ทั้งๆที่ผมเองก็เป็นนักการเมืองมากว่า 20 ปีแล้ว   ต้องออกตัวว่าทุกสังคมมีคนดี คนไม่ดีปนกันไป  สังคมการเมืองก็ไม่ต่าง  นักการเมืองที่ผมกล่าวถึงคือประเภทคนไม่ดี   นักการเมืองดีๆก็มีไม่น้อย)

ผมจะขอแสดงความเห็นในเรื่องของการปฎิรูปเศรษฐกิจของประเทศ  เฉพาะประเด็นของการแก้ปัญหาความยากจน  ผมเชื่อว่าปัญหานี้แก้ได้   หัวใจคือต้องแบ่งผลกำไรจากการค้าขายของบริษัทประเทศไทยให้กับผู้ถือหุ้นกว่า 63 ล้านคนอย่างเป็นธรรม  ไม่ใช่คนรวยได้มาก  คนจนได้แต่เศษที่เหลือ

ข้อเสนอของผมครับ

ให้ภาคประชาชนไปสร้างกลไกในการกำหนดวิธีการจัดสรรงบประมาณ    รื้อใหม่ทั้งหมด   อาจสร้างกลไกที่บังคับให้ทุกรัฐบาลต้องดำเนินการในการจัดสรรเงินงบประมาณเพื่อให้เกิดความเป็นธรรมต่อผู้ด้อยโอกาส   ยกตัวอย่างเช่น  งบประมาณเรียนฟรีจริง   งบประมาณรักษาพยาบาลถ้วนหน้า  งบประมาณดูแลผู้สุงอายุ   งบประมาณประกันรายได้เกษตรกร  เหล่านี้   ให้กลายเป็นงบประจำเสียทั้งหมด

เมื่อลูกหลานของครอบครัวผู้ถือหุ้นได้โอกาสในการศึกษาที่ทัดเทียมกัน   เมื่อรัฐบาลดูแลทุกครอบครัวเวลาเจ็บป่วย และเมื่อพ้นวัยทำงาน    หรือเมื่อเกษตรกรทำการเกษตรแล้วต้องไม่มีคำว่าขาดทุน    ให้เกษตรกรมีรายได้ประจำเช่นเดียวกับมนุษย์เงินเดือน   ดำเนินการในแนวนี้ติดต่อกันทุกปี    กำหนดไว้เลยว่าไม่ว่าใครเป็นรัฐบาลก็ต้องทำ   เป็นการแบ่งกำไรจากรายได้ของประเทศให้ทุกผู้ถือหุ้นทุกคนอย่างทัดเทียมกัน

นอกจากนั้นเมื่อมีเงินเหลือก็ต้องแบ่งกำไรเพื่อใชัในการลงทุนด้านอื่นๆ   การแบ่งกำไรเพื่อลงทุนให้กับบริษัทลูกๆ (งบจังหวัด)    หรือการนำรายได้ไปลงทุนก่อสร้างโครงการที่ทำให้ผู้ถือหุ้นที่เป็นเกษตรกรหรือนักธุรกิจได้ประโยชน์ก็ต้องทำอย่างระมัดระวัง   ต้องให้ได้ประโยชน์อย่างแท้จริง  ต้องสร้างกลไกเพื่อให้นักการเมืองหรือท่านส.ส.ที่ต้องการทำหน้าที่ในการพิจารณาการจัดสรรงบประมาณ  ให้ได้ทำหน้าที่อย่างมีประสิทธิภาพ    และมีระบบการตรวจสอบ  เพื่อยากต่อการทุจริตโกงกินเงินงบประมาณ

นโยบายหรือกลไกการตรวจสอบโดยภาคประชาชนกับการลงทุนของรัฐหรือภาคเอกชนที่ก่อให้เกิดผลกระทบกับสิ่งแวดล้อม  กับทรัพยากรธรรมชาติก็ต้องให้มีการกำหนดที่ทำได้จริง    แต่ขณะเดียวกันก็ต้องไม่ทำให้เกิดอุปสรรคในการพัฒนาประเทศ

จะใช้เงินงบประมาณขยายถนน  ๔ เลน ๖ เลน     เพื่อความสะดวกในการเดินทางของนักท่องเที่ยว   ขยายถนนแล้วต้องตัดต้นไม้ใหญ่  และอาจทำให้มีนักท่องเที่ยวมากเกินกว่าที่ควร   เช่นกรณีเขาใหญ่     ก็ต้องรู้และเข้าใจความรู้สึกของผู้ถือหุ้นเจ้าของประเทศไม่ว่าจะเป็นป่า เช่นเขาใหญ่  หรือหาดริมทะเล  หัวหิน  พัทยา  กระบี่ ภูเก็ต     เหล่านี้เป็นสมบัติของพวกเราทุกคน    ถ้าจะเอาสมบัติเหล่านี้ไปทำประโยชน์ก็ต้องคิดให้รอบคอบ

การจำกัดจำนวนนักท่องเที่ยวเป็นเรื่องจำเป็น   ป่าเราต้องสงวน   หาดทรายสวยๆ ก็ต้่องเก็บไว้    ใครอยากมาเที่ยว   ใครอยากมาชม  มาได้แต่ต้องกำหนดปริมาณไม่ให้มากเกิน    วิธีกำหนดก็ไม่ยาก   เช่นถนนแคบก็ไม่ต้องไปขยาย      ถ้าถนนแคบ  รถติด  เดินทางลำบาก  ยิ่งดี   เพราะจำนวนนักท่องเที่่ยวจะได้น้อยลงไปบ้าง      เขาใหญ่ของเราจะได้คงสภาพความเป็นป่ามรดกโลกไวั  ไม่เสื่อมโทรม  เที่ยวน้อยแต่เที่ยวได้นานเป็นสิ่งที่ควรทำ

ผมอาจมีความคิดที่ต่างกับหลายๆท่าน   อาจเป็นเพราะผมหวงทรัพยากรของชาติมากผิดปกติ       ผมอยากให้เราสามารถสร้างรายได้จากสมบัติอันน้อยนิดที่เรามีอยู่ให้เกิดประโยขน์ในระยะยาวตลอดไป

ที่พูดมานี่ไม่ได้หมายความว่าจะไม่สร้าง ไม่ขยายถนน ไม่พัฒนาประเทศ ที่ต้องการสื่อคือเงินงบประมาณเป็นของผู้ถือหุ้น  เป็นของประชาชนกว่า 63 ล้านคน จะใช้ทำอะไรต้องให้เกิดประโยชน์กับผู้ถือหุ้นอย่างถ้วนหน้า   โดยเฉพาะผู้ถือหุ้นที่ด้อยโอกาสครับ

ผมมีความเชื่อว่าการปฎิรูปเศรษฐกิจของประเทศคงไม่สามารถทำให้ทุกคนมีฐานะเท่าเทียมกันได้   แต่ผมเชื่อและถือว่าเป็นหน้าที่ที่เราต้องทำให้คนไทยทุกคนได้มีโอกาสที่เท่าเทียมกัน

การปฏิรูปเศรษฐกิจของประเทศไทยในมุมมองของผมครับ

แบ่งปันเรื่องราว:
  • Print
  • del.icio.us
  • Facebook
  • email
  • PDF
  • Twitter

Leave a Reply

You must be logged in to post a comment.

Twitter

TwitPic

กอร์ปศักดิ์ สภาวสุ

กอร์ปศักดิ์ สภาวสุ
Korbsak.com
กอร์ปศักดิ์ สภาวสุ
เลขาธิการนายกรัฐมนตรี

ค้นหา